.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดในวันอังคาร (21 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงช้อนซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีทุนจดทะเบียนสูง เช่นหุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างแอปเปิลและไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,530.25 จุด พุ่งขึ้น 641.47 จุด หรือ +2.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,764.79 จุด เพิ่มขึ้น 89.95 จุด หรือ +2.45% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,069.30 จุด พุ่งขึ้น 270.95 จุด หรือ + 2.51%

 

นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นเป็นวงกว้างหลังจากตลาดดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ และ Nasdaq ต่างก็ร่วงลง 4.8% ส่วนดัชนี S&P 500 ร่วงลง 5.8% ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดรายสัปดาห์นับตั้งแต่เดือนมี.ค.2563 และได้เข้าสู่ภาวะหมี โดยปัจจัยที่กดดันตลาดในสัปดาห์ที่แล้วมาจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยหลังจากเฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

 

หุ้นทุกลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 5.14% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัว โดยหุ้นไดมอนแบ็ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 8.17% หุ้นชลัมเบอร์เจอร์ พุ่งขึ้น 6.01% หุ้นฟิลลิปส์ 66 ดีดตัวขึ้น 6.04% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 5.87% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 4.22% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 6.22%

 

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 2.32% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.46% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 3.28% หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 9.35% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.11%

 

หุ้นบริษัทผลิตชิปดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 4.32% หุ้นเคแอลเอ พุ่งขึ้น 4.9% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ พุ่งขึ้น 2.72% หุ้นอินเทล ดีดขึ้น 2.06%

 

นักลงทุนจับตานายพาวเวลซึ่งมีกำหนดแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันพุธที่ 22 มิ.ย. และจากนั้นจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันพฤหัสบดีที่ 23 มิ.ย.

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยล่าสุดทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทโกลด์แมน แซคส์ เตือนว่าขณะนี้มีโอกาส 30% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 15% โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากผลกระทบของการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและรุนแรงขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

 

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 3.4% สู่ระดับ 5.41 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยยอดขายบ้านมือสองได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาบ้านและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง

 

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

 

ที่มา  สำนักข่าวอินโฟเควสท์